วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อินเดีย...สามเหลี่ยมอารยธรรม เดลี อัครา ชัยปุระ 5 # พระราชวังสายลม และ อัมเบอร์ฟอร์ด

จากพระราชวังชาโมดใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เราก็เดินทางมาถึงเมืองชัยปุระ

กำแพงเมืองสีชมพู...ชัยปุระ

เมืองชัยปุระ (Jaipur) เป็นเมืองหลวงที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งของ รัฐราชสถาน (Rajasthan) เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า..."เมืองสีชมพู"  เนื่องจากในยุคที่เมืองนี้อยู่ภายใต้การปกครองของมหาราชารามสิงห์  ได้มีการทาสีเมืองทั้้งเมืองให้กลายเป็นสีชมพู (แต่ดูยังไงก็ดูเป็นสีแดงมากกว่า)  เพื่อรับเสด็จมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษซึ่งต่อมาก็คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7

ตลาด
คล้ายๆตลาดสดบ้านเรา
มันสีแดงมากกว่าจะเป็นชมพูจริงๆนะ
เนื่องจากวันนี้เรามาถึงชัยปุระค่อนข้างเย็นแล้วก็เลยเข้าพักที่โรงแรม Rajputana Sheraton  กันก่อนเลย ส่วนมื้อเย็นก็ฝากท้องกันไว้กับบุฟเฟ่ย์ของโรงแรม

โรงแรม Rajputana Sheraton
นุ่มสบายดี

ตื่นมาตอนเช้าหลังจากอิ่มอร่อยกับบุปเฟ่ย์ที่โรงแรมแล้ว วันนี้เราก็ได้ฤกษ์ไปชมสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชัยปุระ นั่นคือ...พระราชวังสายลม

พระราชวังสายลม ( Palace of the Winds) หรือชื่อจริงๆ คือ พระราชวัง ฮาวามาฮาล (Hawa Mahal Palace) เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1799 โดย มหาราชา ไสว ประตัป ซิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) เพื่อเป็นพระราชวังที่ประทับ ออกแบบโดย ลาล จันด์ อัสตา (Lal Chand Usta) ผู้ออกแบบนครชัยปุระ หรือ นครสีชมพู (Pink city)

พระราชวังสายลมอันเลื่องชื่อ
ด้วยรูปแบบอันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยหินทรายสีแดงและสีชมพู มีความสูงถึง 5 ชั้น และมีหน้าต่างมากถึง 935 บาน ทำให้ลมพัดเข้าออกพระราชวังตลอดเวลา ( เลยเป็นที่มาของพระราชวังสายลม)   โดยโครงสร้างด้านนอกนี้จงใจสร้างเลียนแบบมงกุฏของพระกฤษณะ ซึ่งเป็นเทพสำคัญองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู ที่มหาราชา ไสว ประตัป ซิงห์ ทรงเคารพนับถือ

ดูชัดๆ หน้าต่างเยอะมาก
นอกจากนั้น ฮาวามาฮาล ยังถูกออกแบบมาสำหรับให้เหล่านางสนมในที่อยู่ในฮาเร็มของมหาราชาได้ใช้สำหรับเฝ้ามองวิถีชีวิตประจำวันในเมือง และขบวนแห่ต่างๆ ที่เคลื่อนผ่าน  ดังนั้นรูปทรงด้านหน้าของอาคารจึงตกแต่งด้วยลายตะแกรงและหน้าต่างขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งทำให้คนด้านในสามารถมองออกมาด้านนอก แต่คนด้านนอกไม่สามารถเห็นคนด้านในได้  เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว ฮาวามาฮาล หรือพระราชวังสายลมจึงมองดูเหมือน..."ฉาก" สำหรับบังคนด้านในมากกว่าเป็นพระราชวัง (หรือจะเรียกว่า "คุก" ได้มั้ย)

จากพระราชวังสายลม เราก็เดินทางไปต่อกันที่ อัมเบอร์ฟอร์ด  ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเขาสูงและสามารถมองเห็นได้จากในเมือง

เห็นป้อมอัมเบอร์ไกลๆ
ซูมเข้าไปอีกนิด
อัมเบอร์ฟอร์ด (Amber Fort) ป้อมปราการที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบราชปุต หรือ ในสไตล์ไฮบริดฮินดู-มุสลิม โดยมี ศีลฮามาล (Sheesh Mahal) หรือ วังกระจก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
 
ป้อม อัมเบอร์ฟอร์ด
ชื่อ Amber ได้มาจากเทพ Amba Mata เทพแห่งธรณี ( Mother of Earth )   ซึ่งเป็นเทพประจำของคนเผ่าพื้นเมือง กลุ่ม Mina ที่ต่อมาย้ายเมืองมาอยู่ที่ชัยปุระก็เอาชื่อเดิมมาตั้งให้กับป้อมนี้

การเดินทางขึ้นไปชมอัมเบอร์ฟอร์ดจะต้องใช้ช้าง หรือ รถจิ๊บที่จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น ไม่สามารถนำรถอื่นๆ ขึ้นไปได้  แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศแนะนำว่าควรขึ้นหลังช้างดู เพราะนอกจากจะได้ชมความงดงามของทิวทัศน์รอบๆ ระหว่างทางขึ้นแล้ว ยังได้ความเสียวเป็นของแถมด้วย 555

พาหนะในการขึ้นไปบนป้อม
จะนั่งรถก็ได้
ขึ้นตรงนี้
รอคิวกันยิ่งกว่าวินมอเตอร์ไซด์อีก
ทั้งสวย ทั้งเสียว
หวังว่าคงไม่มีตัวไหนกลิ้งตกลงมา ไม่งั้นเป็นโดมิโนแน่

พระราชวังในแอมเบอร์ฟอร์ดนั้นเป็นอีกพระราชวังที่งดงามมาก โดยเฉพาะ ศีลฮามาล (Sheesh Mahal) หรือ วังกระจก เพราะภายในจะถูกประดับประดาไปด้วยการฝังกระจกสีเป็นลวดลายต่างๆตามผนังและกำแพง

ทางเข้าป้อม
ทางขึ้นไปพระราชวัง
มองลงมาด้านล่าง
ท้องพระโรงไว้ว่าราชการ
การตกแต่ง
หน้าต่างฉลุเสียยิ่งกว่างานไม้อีก
ด้านในเขตพระราชฐาน
สมัยก่อนตำแหน่งที่เธอยืนต้องเป็นนางสนมหรือเจ้าหญิง แต่สมัยนี้เป็น...?
บ่อสำหรับสรงน้ำ แสดงถึงวิศวกรรมการส่งน้ำที่เยี่ยมยอด ถึงน้ำจากด้านล่างขึ้นมาได้สูงขนาดนี้
หอตรวจการณ์
โซนนี้ก็สำหรับนางสนมไว้ดูโลกภายนอก นกน้อยในกรงทองของจริง
โซนห้องกระจก
วิจิตรวิศมาหลา

ในอดีตนอกจากกระจกสีแล้วยังมีเพชนนิลจินดาจำนวนมากประดับประดาอยู่ด้วย (ในอดีตชัยปุระเต็มไปด้วยบ่อเพชรพลอยและอัญมณีต่างๆ)  แต่เพชรและอัญมณีทั้งหมดเหล่านี้โดนอังกฤษแงะไปจนหมดตอนที่คืนเอกราชให้อินเดีย (จริงเท็จประการใดไม่รู้)

เล่ากันว่าความงดงามของพระราชวังกระจกนี้ จะเ็ห็นได้ชัดเจนด้วยการจุดเทียนไขเพียง 1 เล่ม  แสงจากเทียนเล่มนั้นจะสะท้อนกับกระจกและเพชรนิลจินดาต่างๆ ที่อยู่รายรอบทั้งวังจนเกิดเป็นความสวยงามที่สุดแสนจะบรรยาย



 เป็นอีกหนึ่งพระราชวังที่มาอินเดียแล้ว ต้องมาชมให้ได้นะคับ

ในอินเดีย เป็นคนจนว่าลำบาก ยิ่งเป็นผู้หญิงยิ่งลำบาก

เนสกาแฟ เนียนๆ

ทั้งสวย ทั้งดูขลัง

เป็นอีกพระราชวังที่สวยงามจริงๆ
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น