วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เวียดนาม # 4 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ / พิพิธภัณฑ์สงคราม

วันต่อมาในฮานอย เราก็ตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพราะวันนี้ตารางท่องเที่ยวของเราค่อนข้างแน่น (ก็แพลนกันมาเอง จะโทษใคร 55)

จากโรงแรมที่พักสามารถหาของกินได้สะดวกมากคับ เพราะอย่างที่บอกว่าโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่าน Old Quarter ซึ่งเป็นศูนย์กลางแหลงท่องเที่ยวและช้อปปิ้งของฮานอย

Old Quarter เป็นย่านเก่าแก่ของฮานอยที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 2000 ปี  เป็นแหล่งที่พ่อค้าชาวจีนและช่างมีฝีมือได้เข้ามาตั้งหลักแหล่งจนเกิดเป็นชุมชนการค้าที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของเวียดนาม โดยเฉพาะ ถนนสายอาชีพ 36 สาย โดยแต่ละสายจะขายสินค้าไม่เหมือนกัน ซึ่งปัจจุบันถนนสายอาชีพเหล่านี้ก็ยังมีอยู่

และที่ใกล้ๆ โรงแรมนี้เองคับ มีร้านขายคาบับ ชื่อดังที่เหล่านักแบกเป้มักมาฝากท้องเป็นมื้อเช้ากัน


ก่อนสั่งสามารถระบุชนิดของขนมปังได้ด้วยคับว่าต้องการแบบนุ่ม หรือแบบกรอบ   ราคาก็ถูกทีเดียว 15000 ดองหรือราว ๆ 30 บาท  รสชาติถือว่าอร่อยเลยล่ะ



ได้คาบับเป็นมื้อเช้าแล้วเราก็เดินไปทานไปคับ จะได้ไม่เสียเวลา ระหว่างนั้นก็เดินดูวิถีชีวิตชาวฮานอยได้ด้วย จะเห็นเลยคับว่ามื้อเช้าของชาวเวียดนามนั้นมีหลากหลายมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นอาหารแบบไหนก็ต้องนั่งยองๆ กับเก้าอี้เตี้ยๆ กันหมด ใครข้อเข่าไม่ดีก็ต้องทำใจนะคับ


จุดหมายแรกของเราในวันนี้คือการไปจองตั๋วละครหุ่นน้ำซึ่งเป็นศิลปะเอกลักษณ์ของเวียดนามก่อน  ซึ่งคงต้องขอแนะนำเลยว่าใครต้องการจะไปชมละครหุ่นน้ำนี้ควรจะจองตั๋วไว้ก่อนให้เรียบร้อยเพราะโชว์ชุดนี้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งที่เดินทางมาเอง และ มาเป็นกรุ๊ปทัวร์มาดูกันเป็นจำนวนมาก  หากไม่จองไว้ก่อนอาจจะไม่มีที่นั่งได้

ส่วนสถานที่จองตั๋วก็คือโรงละครหุ่นเลย ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาปคืนดาบนั่นเอง และจากโรงแรมของเราก็เดินไปไม่ไกลด้วย  ส่วนราคาตั๋วก็ไม่แพงคับ ประมาณ  60000 ดองหรือ 120 บาทต่อคนเท่านั้นเอง

จริงๆแล้วเราต้องการจะดูรอบ 2 ทุ่มแต่ตั๋วเต็มแล้ว (ขนาดมาจองแต่เช้า) ก็เลยได้รอบบ่าย 2 แทน


ได้ตั๋วกันแล้ว ก็เดินต่อไปโดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่พิฑิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ฮานอย ระหว่างนั้นก็ได้เดินผ่านสถานที่สำคัญหลายอย่าง อาทิ

อนุสาวรีย์หลีไทโต เป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงความรำลึกถึงกษัตริย์ หลีไทโต ซึ่งเป็นผู้รวบรวมเวียดนามให้เป็นปึกแผ่น




อนุสาวรีย์แห่งการปฏิวัติ  


Trang tien plaza ห้างที่ใหญ่สุดในเวียดนาม


 จากห้าง Trang Tien พอเลี้ยวซ้ายมาสักพักเราจะเจอทางเข้าไปร้านไอศครีมเจ้าอร่อยและมีชื่อเสียงของฮานอยอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของถนน  งานนี้ก็เลยต้องเข้าไปขอชิมหน่อยคับว่า ไอศครีมที่คนเวียดนามต้องมายืนต่อคิวกินกันนั้นจะอร่อยสักแค่ไหน





แต่ปรากฎว่าตอนที่เราไปไม่ค่อยมีคนเลยคับ สงสัยเป็นช่วงวันธรรมดา ยังเรียนกับทำงานกันอยู่  แต่ไอศครีมในตู้ก็พร่องไปเยอะแล้วนะคับ  เราสั่งแบบโคนมาลองทานกัน  ซึ่งราคานั้นต้องบอกว่าถูกมากๆ เลย เป็นราคาที่คงหาซื้อไม่ได้แล้วในเมืองไทย  เพราะโคนหนึ่งราคาแค่ 4000 ดอง หรือ 8 บาทเองคับ


ซึ่งพอได้ลองชิมแล้วก็บอกได้เลยคับว่า...อร่อยสมราคา คืออร่อยนิดๆ สมกับราคาถูกๆ 5555 ยังคิดเลยคับว่าถ้ารสชาติแบบนี้ยังทำให้คนต้องมาต่อคิวซื้อกินกัน  ถ้าเป็นบ้านเรา เอาเป็นว่าไม่ต้องขนาด Swensen หรอกคับ  แค่ไอติมหาชัย หรือไผ่ทอง ก็กินขาดแล้ว





ทานไอติมกันเสร็จก็ได้พลังงานเพื่อเดินทางกันต่อ  เดินต่อไปอีกไม่ไกลเราก็จะมาถึงบริเวณ 5 แยกซึ่งมี landmark สำคัญอีกที่ของฮานอย นั้นคือ  Hanoi Opera House คับ


Hanoi Opera House เป็นโรงละคร ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454   รูปแบบเป็นสไตล์ฝรั่งเศส ตกแต่งอย่างงดงาม ภายในมีที่นั่งกว่า 900 ที่นั่ง โดยปัจจุบันยังใช้ทำการแสดงอย่างสม่ำเสมอ 



 จาก  Hanoi Opera House เิดินมาอีกไม่ไกล  ในที่สุดเราก็มาถึง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เวียดนามคับ


พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เวียดนาม เคยเป็นอดีตเป็นสถาบันวิจัยทางโบราณคดีของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรทิศ (Ecole Hrancaise d’Extreme Orient)   สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2453 และได้บูรณะใหม่อีกครั้งในปี 2469 และเปิดเป็นทางการในปี พ.ศ. 2475 

สิ่งที่นำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะครอบคลุมถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของเวียดนามทุกยุค ทุกสมัย เป็นโบราณวัตถุที่หาดูได้ยากยิ่ง อาทิ กลองสำริดโบราณ ซึ่งเป็นศิลปะอันงดงามของพวกจาม(ชนเผ่าดั้งเดิมของเวียดนาม คู่รักคู่แค้นของเขมรสมัยโบราณ)  นอกจากนี้ยังมีเครื่องถ้วยชาม และเจ้าแม่กวนอิมปางที่ดูแปลกประหลาด รวมถึงห้องจัดแสดงของใช้สิ่งของต่างๆ ของกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์แห่งราชวงศ์เหวียนด้วย

ค่าเข้าชม 15000 ดองคับ





จากพิพิธภัณฑ์ประวัิติศาสตร์ข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็จะเจอ พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ

พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ (Museum of Vietnamese Revolution) เป็นสถานที่ซึ่งแสดงให้เห็นการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของคนในประเทศนี้  เป็นการบอกเล่าเรื่องราวว่าคนเวียดนามต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง ตั้งแต่ครั้งโบราณมาจนถึงยุค พ.ศ. 2518 อันเป็นปีที่ทหารอเมริกาถอนกำลังออกจากเวียดนาม 




เสร็จจาก พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ ก็ได้เวลาเดินกลับไปที่ทะเลสาบคืนดาบเพื่อไปชมละครหุ่นน้ำรอบบ่าย 2 ซึ่งระหว่างทางตั้งใจไปหาร้านเฝอ 24 (Pho24) ซึ่งเป็นแฟรนไชร์ร้านเฝอชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายที่  แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ  จนเห็นร้านข้าวแกงธรรมดาร้านนึง คนแน่นมาก แถมมีรถเก๋งหรูๆมาจอดแวะซื้อกันเยอะ ดูจากรูปการณ์แล้วคงอร่อยไม่ใช่น้อย  ที่สำคัญตอนนี้คือหิวมากจนจะเป็นลมก็เลยเปลี่ยนแผนเข้าไปลองทานอาหารข้าวแกงพื้นบ้านของเวียดนามกันแทนคับ

หลังจากได้ลองทานแล้ว ต้องบอกเลยคับว่าอร่อยมากๆๆๆๆ  ส่วนหนึ่งจะอาจจะเพราะกำลังหิวด้วย



งานนี้อร่อยจนข้าวโถใหญ่เกลี้ยง ทั้งๆที่ตอนแรกพวกเราก็ตกใจกันมากพอเห็นโถข้าวว่าทำไมมันใหญ่ขนาดนี้   อร่อยจนต้องสั่งไข่เจียว  กับหมูสามชั้นผัดมะพร้าวอ่อน มาเติมอีกจาน  

แต่ระหว่างที่กำลังทานด้วยความเอร็ดอร่อยอยู่นั้น  เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนคนหนึ่งเห็นสิ่งผิดปกติในไข่เจียว  พอทุกคนช่วยกันดูก็หน้าซีดเลยคับ เพราะสิ่งที่เห็นมันเป็นหนอน ...เป็นหนอน แน่ๆ.....

อะไรกันนี่ หนอนตัวนี้มาอยู่ในไข่เจียวได้ไง  ว่าแล้วผมก็รีบคว้าจานไข่เจียวมาเขี่ยดู แล้วก็ต้องช็อคกับสิ่งที่อยู่ในไข่เจียวจานนี้  เพราะมันเต็มไปด้วยหนอน หรือ ตัวอ่อนอะไรสักอย่าง   

สรุปแล้ว แม่ครัวไม่ได้เผลอทำหนอนตกใส่ไข่เจียวหรอกนะคับ แต่มันคือเมนูเปิบพิสดารของที่นี่ 555 ตอนนั้นทุกคนก็ช็อคกันไปพักนึง    แต่แล้วก็กลับหัวเราะตัวเองกันคับ ที่เห็นแก่ความอร่อยจนไม่สนใจอะไรเลย   ตกลงไข่เจียวหนอนจานนั้นก็เปลี่ยนจากความสยองกลายเป็นเรื่องตลกไปแทน 555:)




เราปิดท้ายมื้อหนักของวันนี้ด้วยแกแฟแบบเวียดนามแท้ๆ  ก่อนที่จะเดินกลับไปทะเลสาปคืนดาบกันต่อเพื่อชมละครหุ่นน้ำซึ่งถือเป็นการแสดงเอกลักษณ์เฉพาะของเวียดนามกันคับ  


ปล. กาแฟเวียดนามจะเป็น 3 ชั้น แล้วก็ต้องขอบอกว่าเป็นกาแฟที่....เข้มมากกกกกกกกก







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น